ชีวิตที่ไม่ง่ายของ "น้ำหวาน"

ชีวิตที่ไม่ง่ายของ "น้ำหวาน"

“น้ำหวาน” สราญจิต โกฮวดเฮง ปัจจุบันในวัย 22 ปี น้ำหวานกำลังเรียนอยู่ปี 1 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์น้ำหวานมีความพิการมาตั้งแต่กำเนิด กว่าที่หวานจะมาถึงวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยต้องต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ มาตั้งแต่เด็ก ก่อนที่มูลนิธิจะได้เจอหวานในช่วงที่เรียนอยู่ระดับประถมศึกษา

โดยหวานเล่าให้ฟังว่าแม่รู้ว่าจะพิการตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ พอคลอดออกก็มีอาการกระดูกทับไขสันหลัง กระดูกขาคดและไม่สามารถปัสสวะด้วยตนเองได้ จึงต้องผ่าตัดกระดูกขาเพื่อไม่ให้คดงอและผ่าที่บริเวณหน้าท้องเพื่อให้สามารถปัสสวะได้ คุณครูที่โรงเรียนบ้านสนวน จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมที่หวานได้ศึกษาอยู่ณ ขนาดนั้น ได้แนะนำหวานให้กับมูลนิธิ จากนั้นทางมูลนิธิได้ติดตามและรับหวานเข้ามาเป็นเด็กทุนในช่วงปี 2560 หลังจากที่มูลนิธิได้เข้ามาเจอหวานทำให้รู้สึกว่ามีความหวังมากขึ้น หวานเล่าให้ฟังว่ามูลนิธิได้ช่วยเหลือด้วยการมอบรถเข็นให้ หลังจากนั้นก็สนับสนุนเรื่องการศึกษามาตลอดทั้งค่าแพมเพิส ค่าอุปกรณ์การเรียนและค่าเดินทาง

หวานตอนเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนราษฏร์พัฒนา

หลังจากที่หวานเรียนจบม.3 จากโรงเรียนราษฏร์พัฒนา ก็ได้ไปเรียนต่อที่มหาไถ่ พัทยา ซึ่งพอได้มาเรียนที่นี้ก็รู้สึกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกครบและเพื่อนทุกคนก็เป็นเหมือนกันหมดจึงทำให้รู้สึกมีความสุขในการเรียน ช่วงแรกอาจจะเรียนไม่รู้เรื่องบ้างแต่หลังจากปรับตัวได้ก็สามารถเรียนได้เท่าทันเพื่อน ซึ่งระหว่างที่เรียนอยู่ที่มหาไถ่ พัทยานั้นหวานเองได้มีโอกาสได้เจอรุ่นพี่ที่วิทยาลัยที่เป็นนักกีฬาทีมชาติได้มอบเสื้อนักกีฬาทีมชาติให้ ทำให้หวานเกิดแรงบันดาลใจและได้ไปคัดตัวและได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาพิการทีมชาติไทย ซึ่งได้เล่นกีฬาหมากรุกสากล หลังจากที่ได้เล่นไปสักพักก็เรียนหนักมากขึ้น หวานจึงตัดสินใจที่จะหยุดเล่นกีฬาและกลับมาเรียนหนังสือต่อให้จบ และหวานเองก็มีโอกาสได้มาฝึกงานที่มูลนิธิเป็นระยะเวลา 2 เดือน

น้ำหวานถ่ายรูปร่วมกับคุณคิมูระ เลขาธิการWAFCA และคุณพินัย เลขาธิการมูลนิธิWAFCAT หลังจากฝึกงานจบ 2 เดือน

หลังจากนั้นหวานได้เข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ สาขาการบริหารจัดการท้องถิ่นและการบริหารการพัฒนา ซึ่งตอนนี้การเรียนของหวานเองก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ระหว่างที่เรียนนั้นหวานก็ได้ทำงานไปด้วยตามกฏหมายมาตรา 35 ที่ตึก 11 สาขาวิชาการศึกษาพิเศษและภาษาไทย ซึ่งหวานได้ทำงานเกี่ยวงานเอกสารต่างๆ ทำ Presentation ในการนำเสนองาน และงานอืนๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย หลังจากที่เรียนจบแล้วหวานมีสองที่เลือกที่กำลังตัดสินใจอยู่ หนึ่งคือการกลับเข้าไปเป็นนักกีฬาทีมชาติเพราะตัวเองนั้นเป็นความชอบเล่นกีฬาและมีความสุขกับการได้เล่นกีฬา สองก็คือการสอบเข้าราชการซึ่งด้านนี้เองหวานก็รู้สึกอยากสอบเพื่อทำงานราชการตามที่เคยตั้งใจไว้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าหวานทางจะเลือกเส้นไหนทางมูลนิธิเองก็จะร่วมยินดีกับทุกความสำเร็จของหวานและพร้อมให้คำปรึกษากับหวานต่อไป

หวานตอนเข้าเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์