คุยกับ "อ้อย" ในวันที่พร้อมไปเจอโลกกว้าง

คุยกับ "อ้อย" ในวันที่พร้อมไปเจอโลกกว้าง

อ้อย วิชุดา พิลา  นักเรียนทุนคนเก่งของเรา ก่อนหน้านี้อ้อยเคยมีประสบการณ์ในการทำงานมาบ้างแล้ว ก็คือเคยฝึกงานเป็น Call Centre ที่ AIS  และตอนนี้อ้อยเองก็ยังอยากหาประสบการณ์ไปอีกเรื่อยๆ ตอนนี้เลยตัดสินใจทำงานประจำที่นี่เพื่อต้องการประสบการณ์การทำงานที่มากขึ้น วันนี้เราเลยตั้งใจจะมาคุยกับอ้อยเพิ่มเติมอีกสักหน่อยเกี่ยวกับความเป็นมาของอ้อยและประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา เพื่อที่จะได้รู้จักอ้อยไปมากกว่านี้ ไปเริ่มกันเลย

ขอให้อ้อยแนะนำตัวให้เราฟังหน่อยครับ

            สวัสดีค่า อ้อย วิชุดา พิลา ค่ะ ตอนนี้อายุ 21 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ค่ะ เริ่มพิการมาตั้งแต่กำเนิดเลยค่ะ เพราะว่าตอนแรกคุณหมอไม่ได้บอกแม่ว่าหนูพิการ บอกว่าหนูปกติดีทุกอย่าง พอผ่านไป 1 อาทิตย์ คุณหมอจึงแจ้งว่าขาของหนูมันผิดรูปตั้งแต่กำเนิดเลย แล้วก็ทำให้หนูเป็นขาอ่อนแรงและกระดูกเปราะ ทำให้เดินไม่ได้ค่ะ

ทำไมถึงเข้ามาเป็นนักเรียนทุนล่ะ

            ตอนนั้นหนูอยู่อนุบาลค่ะ มีเข้าไปอยู่ศูนย์การศึกษาพิเศษและเข้าเรียนโรงเรียนปกติค่ะ แต่ตอนนั้นคุณครูที่ศูนย์การศึกษาพิเศษได้แนะนำว่ามีมูลนิธินี้นะ ลองให้เราเข้าไปเป็นเด็กทุนไหม เผื่อจะได้มีทุนในการศึกษา คุณยายเลยสมัคร พี่วิงก็ได้เข้ามาลงพื้นที่ที่บ้านหนู น่าจะประมาณช่วงปี 55 – 56 นี้แหละค่ะ

WAFCAT สนับสนุนอะไรเราบ้างครับ

            ก็จะมีทุนการศึกษาค่ะ แล้วก็ค่าเดินทางเวลาไปค่ายหรือกิจกรรมของมูลนิธิค่ะ แล้วก็สนับสนุนรถวีลแชร์ค่ะ ก็มีค่ายที่ได้ไปสุพรรณบุรีหนูก็จำไม่ได้ว่าค่ายไอศครีมครั้งที่เท่าไหร่ แต่จำได้ว่าจะให้น้องๆ ได้เรียนรู้ผจญภัยและใช้ชีวิตในเมืองกรุงค่ะ มีให้ลองขึ้นรถไฟฟ้าในกรุงเทพ ให้น้องได้ออกไปเจอสังคมภายนอกว่าสามารถอยู่ได้ไหมค่ะ

อ้อยได้เจออุปสรรคอะไรบ้างมั้ย แล้วอ้อยผ่านมันมาได้ยังไงครับ

            มีอุปสรรคตอนเรียนร่วมกับโรงเรียนปกติค่ะ ด้วยความที่เราต้องนั่งรถเข็นตลอดแล้วก็ต้องมีคนอุ้มไปเรียนด้วย แล้วก็ไม่สะดวกในการขึ้นไปเรียนชั้นบนเหมือนเพื่อนที่ขึ้นบันไดได้ คุณครูที่โรงเรียนก็พูดว่า “เดินไม่ได้ก็ไม่ต้องมาโรงเรียนหรอก เรียนอยู่บ้านดีกว่า มาก็ไปเรียนไม่ได้อยู่ดี” หนูไม่ได้สนใจคำที่ครูพูดเลยบอกกลับไปว่า “หนูจะเรียนค่ะ เพราะอีกแค่ปีครึ่งหนูก็จะจบม.3” แล้ว ผอ.ที่โรงเรียนใจดีอยู่ค่ะ คอยซัพพอตหนูอยู่ตลอดและพูดเสมอว่า “ถึงน้องจะขึ้นไปเรียนเหมือนไม่ได้ แต่คุณเป็นครูคุณต้องลงมาสอนน้องนะ เพื่อที่จะให้น้องได้เรียนเหมือนเพื่อน” โดนดูถูกมาเยอะมากค่ะ หนูก็ผลักดันตัวเองจนจบม.3 ค่ะ หนูสู้กับมันและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคค่ะ

เล่าประสบการณ์การทำงานที่ AIS ให้ฟังหน่อยได้มั้ย

            ตอนนั้นเป็นช่วงปวช.3 ที่ต้องฝึกงานค่ะ ตอนแรกจะได้ฝึกที่ออฟฟิศข้างล่างเป็นงานธุรการทั่วไป แต่ว่าหนูขอคุณครูไปฝึกในฝ่าย Call Centre ค่ะ เพราะว่ามันมีตำแหน่งว่างหนึ่งตำแหน่ง หนูเลยขอขึ้นไปฝึกค่ะ หนูเริ่มฝึกงานวันที่ 25 เมษายน ปี 65 หนูฝึกงานทั้งหมด 3 เดือน ช่วงแรกๆ ที่ไปฝึกพี่ๆ เขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะช่วงนั้นงานของ AIS เยอะเลยไม่มีเวลาสอนงานหนูค่ะ แต่ถ้ามีเวลาว่างหัวหน้าก็ให้พี่ๆ มาสอนและซ้อมสคริปต์ให้หนูอะไรประมาณนี้ค่ะ แล้วก็จะให้นั่งฟังพี่ๆ แต่ละโต๊ะว่าแต่ละคนตอบลูกค้ายังไง แก้ปัญหายังไง ไปนั่งฟังประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ หลังจากนั่งก็เริ่มใช้โปรแกรมและโทรหาลูกค้าเลย คือเราเจอลูกค้าหลายประเภทค่ะ บางคนก็รับฟังสิ่งที่เรานำเสนอเป็นอย่างดี บางคนก็ออกแนวรำคาญว่าจะโทรมาทำไมนักหนา โดนด่าบ้าง ลูกค้าชมบ้าง แต่เราก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรลูกค้าได้ แต่พี่ๆ ที่ทำงานก็น่ารักซัพพอตตลอด สอนงานตรงไหนที่หนูไม่ได้พี่เขาก็จะคอยสอนคอยบอกอะไรประมาณนี้ ช่วงแรกๆ อาจจะรับมือไม่ไหว เวลาหลังงานก็มีไปบ่นกับเพื่อนบ้างว่าแต่ละวันเจออะไรมาบ้าง เพื่อนก็ให้กำลังใจและว่าบอก “เราก็ไม่ได้เจอสายแย่ๆ ทุกสาย” เราทำงานก็ต้องใจเย็นมาก ทั้งที่จริงๆ แล้วหนูเป็นคนใจร้อนมาก (หัวเราะ) ตอนนี้หนูก็ได้เลื่อนขั้นจากเด็กฝึกงานมาเป็นพนักงานประจำแล้วค่ะ หนูอยากหาประสบการณ์ไปอีกสัก 1 – 2 ปี ค่ะ และจะกลับไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรี

อยากขอบคุณอะไรมูลนิธิมั้ยครับ

            อยากขอบคุณมูลนิธิ WAFCAT และ WAFCA พี่วิง พี่แพร พี่อิ๋ว พี่ๆ ทุกคนในมูลนิธิเลย เพราะถ้าไม่มีพี่ๆ เข้ามาลงพื้นที่ หนูก็คงเหมือนเด็กพิการคนอื่นอยู่ที่บ้านเฉยๆ พี่วิงและลุงอั๋นเป็นคนเข้ามาเยี่ยมในช่วงนั้น แล้วก็เป็นคนแนะนำว่าน้องต้องเรียนให้เก่งและไปได้ไกลมากกว่านี้ ลุงอั๋นเคยพูดว่าหนูเป็นนักเรียนทุนคนแรกที่บอกว่าจะไม่เรียนต่อ หนูมีพี่ดรีมเป็นไอดอลค่ะ เพราะเป็นศิษย์เก่าที่มหาไถ่หนองคายเหมือนกัน ช่วงไปเข้าค่ายตอนนั้นพี่ดรีมแนะนำให้หนูมาเรียนที่นี้คะ หนูเลยสมัครและยื่นข้อเสนอไปให้กับพี่วิงว่าหนูอยากเรียนที่นี้ พี่วิงไม่เคยพูดว่าพี่ไม่ทุนสนับสนุน พี่วิงพูดแค่ว่าพี่ยินดีมากที่น้องกล้าจะออกมาเรียน มาวันแรกหนูท้อมากอยากกลับบ้าน (หัวเราะ) แต่สิ่งที่หนูอยากเรียนต่อก็คือพ่อกับแม่และมูลนิธิที่ให้การสนับสนุนมาตลอด ก็อยากขอบคุณมูลนิธิที่คอยให้ทุนสนับสนุนการศึกษา หนูอาจจะเป็นเด็กทุนที่ไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น ทำให้คุณครูที่วิทยาลัยฯ ปวดหัวบ้าง ทำให้พี่วิงปวดหัวบ้าง  ตอนนี้อยากขอบคุณมูลนิธิที่ช่วยส่งหนูที่ฝัน จนตอนนี้หนูมีงานทำแล้ว ขอบคุณค่ะ

เอาล่ะ...เป้าหมายต่อไปในอนาคตของอ้อยอยากทำอะไร

            ก็ทั่วไปแหละค่ะ เรียนจบ มีงานทำ ตอนนี้หนูจะเก็บเงินให้เยอะๆ และเรียนต่อให้สูงที่สุดค่ะ เพราะหนูอยากรับราชการค่ะ หนูเคยฝันว่าอยากเป็นคุณครูแต่พอมาสัมผัสจริงๆ คำว่าครูมันไม่ใช่แค่ครูเฉยๆ มันรับหน้าที่หลายๆ อย่าง จะทำยังไงให้สอนเด็กรู้เรื่อง แต่สำหรับหนูไม่ว่าราชการแบบไหนหนูสามารถทำได้ อยากทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจสักครั้งนึงค่ะ